รีวิวเกม Tales of Arise เกมต่อสู้แฟนตาซีสุดสนุก พร้อมสู้กับมอนสเตอร์

วันนี้เราจะมา รีวิวเกม Tales of Arise สำหรับแฟรนไชส์ ​​Tales ของ Bandai Namco เป็นเกมที่มีภาพสเมือนจริงและมีกลไกที่ยึดตามกาลเวลา มีศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมะ ฉากแฟนตาซีสูง การต่อสู้แบบเคลื่อนไหวเชิงเส้น และการโต้ตอบที่เน้นตัวละคร ล้วนมีความหมายเหมือนกันกับผลงานในอดีต

แต่คุณสมบัติเหล่านี้เป็นทั้งของขวัญและคำสาป ทำให้ซีรีส์ JRPG เป็นทางเลือกที่มีเอกลักษณ์ แม้ว่าจะประสบความสำเร็จน้อยกว่า เกมกระแสหลักอย่าง Final Fantasy และ Dragon Quest  แต่สำหรับเกมนี้เป็นขั้นตอนวิวัฒนาการที่สำคัญ

ในการเปลี่ยนแปลงการเล่นเกมที่ชาญฉลาด การเสริม Unreal Engine 4 พร้อมกับการเล่าเรื่องและการผจญภัย ใน รีวิวเกม นี้ จะพาทุกคนเข้าร่วมการผจญไปด้วยกัน

รีวิวเกม Tales of Arise

เกมเพลย์

เริ่มตั้งแต่บทสนทนาสำหรับตัวละครข้างกองไฟไปจนถึงการเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือดกับสัตว์ประหลาดที่มีหนวดเครา Tales of Arise เป็นเกมที่สนุกสนานหลายอย่าง เมื่อเราไม่ได้เป็นหมอนักษาสัตว์และมีเป็นผู้ส่วนผสมในอาหารเพิ่มค่าสถานะหรือนำแร่หายากไปให้ช่างตีเหล็กในท้องถิ่น

เรากำลังตกปลาในสวรรค์อันเงียบสงบบางแห่งหรือโต้ตอบกับนกฮูกเร่ร่อนเพื่อแลกกับไอเทม มีกิจกรรมที่ให้มีส่วนร่วมมากมายเกมนี้เป็นอะไรก็ได้นอกจากการเดินทางที่เดิมพัน เราจะใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงไปกับปัญหาทางสังคมและการเมืองที่รุนแรง เช่น การเหยียดเชื้อชาติ เผด็จการ และความเจ็บป่วยทางจิต (โดยเฉพาะ PTSD) ส่วนสำคัญเหล่านี้กระตุ้นแรงจูงใจของตัวละคร

ตัวละครในเกม

ตัวเอกคือ Alphen และ Shionne เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง แต่โดยนัยแล้ว พวกเขาอยู่คนละโลก มีสงครามเชื้อชาติที่ยาวนานหลายศตวรรษระหว่าง Renans ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและ Dahnans ที่เป็นธรรมชาติได้สิ้นสุดลงในค่ายแรงงาน โดยรัฐเฝ้าระวัง และอาชญากรรมที่สร้างความเกลียดชัง

นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตที่สร้างโดย Renan ที่เรียกว่า Zeugles ลาดตระเวนอยู่ห่างไกลจาก Dahna โดยอ้างสิทธิ์ชีวิตของนักเดินทางที่ไม่ระวังและผู้ขอลี้ภัย  ลโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางชาติพันธุ์และความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้ต่อกันและกัน Alphen และ Shionne เป็นนักรบความจำเสื่อมไม่สามารถรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างแท้จริง

และแฟชั่นนิสต้าที่พกปืนไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรนอกจากความเจ็บปวด  การเฝ้าดูทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น ผ่านการโต้เถียงเล็กน้อยและการเปิดเผยอย่างจริงจัง ตลอดภารกิจที่ยากลำบากของพวกเขาในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกถือเป็นไฮไลท์ของการเล่าเรื่อง

ภาพรวมในเกม

ระดับของความซับซ้อนที่โดดเด่นในเรื่องราวของ Arise ยังแสดงออกทางสายตาอีกด้วย อาณาจักรของดาห์น่าเป็นที่ตั้งของโครงสร้างทางภูมิศาสตร์ที่สวยงาม เช่น หุบเขาที่ร้อนระอุที่มองเห็นทะเลสาบลาวาและดินแดนมหัศจรรย์ในฤดูหนาว ที่มีแผ่นหิมะเป็นประกายระยิบระยับ Elde Menancia พื้นที่อันเขียวขจี มีทิวทัศน์ที่คู่ควรกับโปสการ์ด

ที่โปรดปราน อาณาจักรที่เฟื่องฟูนั่งสบายบนยอดป่าโบราณ สำรวจพิภพเล็กๆ เชิงเส้นตรงของสถานที่เหล่านี้ ทางเดินแคบๆ ให้ทางไปยังฮับที่ปกคลุมไปด้วยหน้าผาที่ขุดได้ ใบไม้ที่กินได้ และสัตว์ป่าที่ดุร้าย อย่างไรก็ตาม ในดันเจี้ยนต่างๆ เช่น ระบบท่อระบายน้ำที่เก่าแก่ ซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้าง และปราสาทหลายชั้นที่อาศัยการออกแบบตัวต่อแบบแห้งนั้นเป็นรอยปะที่หยาบอย่างเห็นได้ชัด

การได้รับชัยชนะ

ชัยชนะเกิดจากจุดอ่อนของธาตุ การใช้ศิลปะบนดาว (หรือเวทมนตร์) จังหวะ “กระตุ้นการโจมตี” ที่เรียกร้องให้สมาชิกในปาร์ตี้จัดการศัตรูเพียงลำพัง และผู้ที่สำเร็จทีมเรียกว่า “บูสต์สไตรค์”  อินพุตปุ่มที่เรียบง่ายและกล้องฟรีช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการ คุณจึงสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การระเบิดหลากสีที่มีสไตล์ซึ่งมาพร้อมกับการฟาดฟันคู่ต่อสู้ของคุณให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

การโจมตีทางอากาศและการหลบหลีกในวินาทีสุดท้ายให้โบนัสลูกเล่นและที่สำคัญกว่านั้นคือการเพิ่มความเสียหายชั่วคราว การแลกเปลี่ยนกับสมาชิกปาร์ตี้คนอื่นที่สามารถใช้ประโยชน์จากศัตรูที่เซได้ก็น่าพอใจเพราะตัวละครแต่ละตัวมาพร้อมกับความสามารถและสไตล์การเล่นของตัวเอง

ตัวอย่างเช่น ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเล่นปาหี่ใส่หมูป่ากลางอากาศ จากนั้นให้ลอว์ นักศิลปะการต่อสู้ประจำปาร์ตี้ โฉบลงมาด้วยลูกเตะหรือนักเล่นกลที่ไม่มีใครเทียบ Rinwell ฟาดฟันศัตรูหลายคนด้วยลำแสงเพลิง

เกมนี้สร้างสมดุลให้กับระบบที่ชื่นชอบอย่างการละเล่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวิชวลโนเวลและชื่อที่อัปเกรดได้ด้วยการปรับแต่งการเล่นเกมที่ปรับปรุงใหม่ การสร้างโลกที่ซับซ้อนในภารกิจย่อยและแม้แต่การสนทนาทางโลกก็ช่วยในการกำหนดจังหวะและการเล่าเรื่อง มีธีมที่เน้น JRPG แบบ Campy เช่น พลังแห่งมิตรภาพ สำหรับใครที่สนใจมีให้โหลดบน Xbox Series X/S, PlayStation 4, Xbox One, PC